บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้สื่อโซเชียลมีเดียของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในเขตเทศบาลนครอุดรธานี
เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการใช้สื่อโซเชียลมีเดียของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในเขตเทศบาลนครอุดรธานี เพื่อศึกษาการใช้ประโยชน์จากสื่อโซเชียลมีเดียของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในเขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยการสำรวจประชากรกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 400 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลในการทำวิจัยคือ แบบสอบถาม และนำข้อมูล
มาวิเคราะห์ทางสถิติโดยใช้สถิติในการวัดข้อมูลคือ ค่าร้อยละและค่าเฉลี่ย
ซึ่งประมวลผลโดยใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรม SPSS
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะประชากรของนักเรียนในเขตเทศบาลนครอุดรธานี
ในส่วนของข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมีอายุ 17 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านตนเองมีบริการอินเทอร์เน็ต พักกับพ่อแม่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 3,500-4,000 บาท
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้สื่อโซเชียลมีเดียของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในเขตเทศบาลนครอุดรธานี
ในส่วนของข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง
พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีประสบการณ์ในการใช้สื่อโซเซียลมีเดีย
4-5 ปี
มีการใช้สื่อโซเซียลมีเดีย 3-5 ชั่วโมง ในเวลาที่ตนเองสะดวก
ส่วนใหญ่อยู่ตามลำพังขณะใช้บริการสื่อโซเซียลมีเดีย ส่วนใหญ่ใช้บริการโซเซียลมีเดียชนิด Facebook และมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงหลังจากใช้สื่อโซเซียลมีเดียคือมีเพื่อนแปลกหน้าเพิ่มมาก
ส่วนใหญ่มีลักษณะการใช้สนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร
ส่วนใหญ่ไม่เคยซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากสื่อโซเซียลมีเดียของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในเขตเทศบาลนครอุดรธานี พบว่า
ส่วนใหญ่กลุ่มตัวอย่างใช้สื่อโซเซียลมีเดียเพื่อความบันเทิง
ใช้สื่อโซเซียลมีเดียเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่สนใจ
ใช้สื่อโซเซียลมีเดียเพื่อความบันเทิงและความสนุกสนานเพื่อดูหนังฟังเพลง ใช้สื่อโซเซียลมีเดียในการติดต่อสื่อสาร
และส่วนใหญ่การใช้สื่อโซเชียลมีเดียส่งผลต่อตัวท่านในด้านลบคือทำให้สายตาเสีย
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมและความพึงพอใจในการใช้สื่อโซเซียลมีเดียของนักเรียนในเขตเทศบาลนครอุดรธานี พบว่า
กลุ่มตัวอย่างพึงพอใจในการใช้สื่อโซเซียลมีเดียในการสืบค้นข้อมูลด้านการศึกษามากที่สุดโดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ
4.49 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.697 อยู่ในเกณฑ์มาก
รองลงมาคือกลุ่มตัวอย่างพึงพอใจในการใช้สื่อโซเซียลมีเดียเพื่อความสะดวกสบายในการดูหนังฟังเพลง
โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.47
และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.641 อยู่ในเกณฑ์มาก
และมีความพึงพอใจในการใช้สื่อโซเซียลมีเดียในการสืบค้นข้อมูลด้านการค้าขายต่ำที่สุด
โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.56
และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.929 อยู่ในเกณฑ์มาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น